ตาเหล่

ศูนย์สายตา ไฮลักซ์ วิชั่น 

 

ตาเหล่

 

ตาเหล่ (ตาเขหรือตาส่อน) คือภาวะที่ลูกตาทั้งสองข้าง ไม่มองไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่ดาข้างหนึ่งอาจเหล่ออก เหล่เข้า เหล่ขึ้นบน หรือเหล่ลงล่างก็ได้ ตาเหล่นั้นอาจเหล่ตลอดเวลา หรือเหล่เฉพาะบางเวลาก็ได้

 

เช่น ในขณะที่กำลังจ้องมองวัตถุชนิดหนึ่งที่ร่างกายไม่แข็งแรง เช่น ป่วย เหนื่อย ฯลฯ

 

ตาเหล่เป็นโรคที่พบบ่อย อาจจะพบเห็นได้ในเด็กตั้งแต่เกิดแรกเกิด หรือเริ่มเป็นเมื่อเด็กโตแล้วหรือเป็นในผู้ใหญ่อีกก็ได้

 

สาเหตุของโรคตาเหล่

 

สาเหตุส่วนใหญ่ของตาเหล่เกิดจาก กล้ามเนื้อตาของตาทั้งสองข้างไปประสานกัน และอาจพบเป็นกรรมพันธุ์ได้

โรคตาเหล่สามารถแบ่งได้หลายชนิด ทั้งในเรื่องลักษณะเหล่ (เหล่เข้า เหล่ออก เหล่ขึ้น ฯลฯ) และแบ่งตามระยะเวลาที่เป็น เช่น เหล่ถาวร หรือเหล่บางเวลา

 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคตาเหล่

 

1. เข้าใจผิดว่าเป็นเพียงเรื่องความสวยงาม

ทำให้ผู้ปกครองบางคนไม่ใส่ใจการสังเกตพฤติกรรมของลูก คิดว่าไม่มีปัญหาทางสายตา จริงๆ แล้วเด็กเหล่อาจมีภาวะตาขี้เกียจแฝง หรือมีปัญหาสายตาร่วมอยู่

 

2. เข้าใจผิดว่าโรคตาเหล่เป็นโรคที่ไม่รักษาได้

เพราะเห็นว่าเป็นความพิการที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก ความจริงแล้ว โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ โดยเฉพาะหากรักษาตั้งแต่ยังเล็ก

 

3. เข้าใจผิดว่าเมื่อโตแล้วไม่ต้องรักษา

เพราะเชื่อว่าโรคตาเหล่แก้ไขไม่ได้ ความจริงคือ ถึงแม้จะไม่ได้ผลดีเท่าการรักษาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังรักษาและปรับปรุงการใช้สายตาได้ดีขึ้น

 

4. เข้าใจผิดว่าไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทุกกรณี

ความจริงแม้จะมีวิธีอื่น เช่น ปิดตาข้างดี ฝึกกล้ามเนื้อตา แต่บางกรณีอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด โดยเฉพาะกรณีที่กล้ามเนื้อตาผิดปกติมาก

 

การรักษาโรคตาเหล่

 

การรักษาโรคตาเหล่ ไม่ได้หมายถึง จะต้องผ่าตัดทุกกรณี เพราะยังมีวิธีอื่น ๆ เช่น

 

1. การปิดตาข้างดีเพื่อกระตุ้นการใช้ตาข้างที่เหล่

 

2. รักษาให้สายตาในแต่ละข้างเหมาะสม

 

3. รักษาสายตาขี้เกียจร่วมด้วย (ถ้ามี)

 

4. ฝึกบริหารกล้ามเนื้อตา

 

5. ผ่าตัดกล้ามเนื้อตาเมื่อจำเป็น

 

แพทย์จะเลือกใช้หลากหลายวิธีร่วมกันไป โดย ข้อสำคัญที่ทำให้การรักษาได้ผลดี คือการวินิจฉัยให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น และความร่วมมือที่ดีจากผู้ปกครอง เนื่องจากการรักษาบางวิธีต้องใช้เวลาพอสมควร

 

ดูเหมือนตาเหล่

 

เด็กบางครั้งมองแล้วดูเหมือนตาเหล่ เป็นเพราะช่วงที่เด็กยังเล็กมาก จมูกยังไม่มีดั้งจมูกจะเบนกว้าง เมื่อการโตขึ้นเริ่มมีสันจมูกโด่งขึ้น หนังตาเริ่มเป็นสองชั้นขึ้นลักษณะการเห็นที่ดูเหมือนตาเหล่ก็จะหายไป แต่ดูคนเดียวมักไม่ควรเชื่อมั่นเอง ถ้าพบว่าตาของลูกเราสองข้างมีทิศทางผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์โดยตรง

 

ถ้ามีตาเหล่จริงๆ ด้านนั้นจะไม่ได้ใช้งาน ทำให้สายตาไม่พัฒนา เกิดตาขี้เกียจขึ้นได้ในระยะแรกเกิด 2–3 เดือนแรกของทารก บางครั้งเวลาการดูอะไรใกล้ตาจะเหมือนว่าตาเขหรือมองไม่ปกติ แต่หลังจาก 4 เดือนเป็นต้นไป หากดวงตาทั้งสองยังไม่ประสานกัน เราจะเรียกว่า “ตาเหล่” ถ้าตาเหล่นั้นเข้าด้านจมูก เราเรียกว่า ตาเหล่เข้า

 

การทดสอบง่าย ๆ

 

การทดสอบว่าลูกตาเหล่หรือเปล่า โดยการใช้ไฟฉายอันเล็กที่ไฟไม่จ้ามาก ส่องรูม่านตาทั้ง 2 ตา

แสงจากด้านหลังสะท้อนบนกระจกตาของตาซ้ายและขวา ถ้าแสงสะท้อนบนกระจกตาทั้งสองลูกอยู่ที่เดียวกัน แสดงว่าตรงกันและไม่มีตาเหล่

แต่ถ้าแสงสะท้อนอยู่ห่างจากกัน เช่น ตาซ้ายต่ำกว่าตาขวา หรืออยู่ด้านข้าง แสดงว่าตาข้างหนึ่งอาจจะเหล่ได้

 

ตัวอย่างเช่น

 

ถ้าแสงสะท้อนบนกระจกตาของตาขวาอยู่ตรงกลางรูม่านตา

 

แต่แสงของตาซ้ายสะท้อนลงต่ำ แสดงว่าตาซ้ายอาจเป็น ตาเหล่เข้า

 

ถ้าลูกของเราตาเหล่ ควรคิดถึงอะไรบ้าง?

 

แน่นอนว่าหากพบว่าลูกตาเหล่ ท่านไม่ควรนิ่งนอนใจ มีหลายโรคที่ควรระลึกถึงที่สามารถทำให้ตาเหล่ได้ เช่น

 

ข้อกระดูก

 

เนื้องอกในลูกตา

 

กล้ามเนื้อควบคุมการเคลื่อนไหวของตาผิดปกติ

 

โรคเกี่ยวกับการใช้สายตาในระยะใกล้เป็นเวลานาน

 

การวินิจฉัยและการตรวจโดยจักษุแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการมองว่า “เดี๋ยวโตขึ้นก็หาย” หรือ “น่าจะเป็นเพราะลูกยังเล็ก” อาจทำให้พลาดช่วงเวลาสำคัญของการฟื้นฟูและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ

หากปล่อยไว้นานเกินไป อาจเสี่ยงทำให้ตาข้างที่เหล่ ไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ตลอดชีวิต

Visitors: 1,684